หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำหรับการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS


หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำหรับการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS
ชนิดของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้คือ
1.True Online UPS (Double Conversion UPS) เครื่องสำรองไฟฟ้าแบบนี้เป็นเครื่องสำรองไฟฟ้าโดยหลักการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS (ยูพีเอส) ชนิดนี้คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆที่ต่อเข้ากับ ตัวเครื่องสำรองไฟฟ้านี้จะไม่ได้รับกระแสไฟฟ้าโดยตรงจากสายไฟเลย เพราะระบบจะทำการจ่ายกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ก่อน ก่อนที่จะส่งกระแสไฟที่มีความราบเรียบเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่อเชื่อมต่างๆ โดยจะมีอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับเป็นตัวปรับแรงดันไฟให้มีความสม่ำเสมอ ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากได้เลย ซึ่งจากที่เครื่องสำรองไฟฟ้า UPS แบบนี้มีราคาที่แพงมาก จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปเครื่องสำรองไฟฟ้า (ยูพีเอส) ชนิดนี้เหมาะสำหรับที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้เช่น เครื่องมือแพทย์, เซิร์ฟเวอร์, ตู้ ATM, ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสาร, ระบบคอมพิวเตอร์การเงินหรือธนาคาร เพราะจำเป็นที่จะต้องการคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์
UPS (ยูพีเอส) ที่เป็นแบบ True Online UPS
2.Standby UPS (Off line UPS)
เครื่องสำรองไฟฟ้า UPS ชนิดที่สองนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีราคาที่ถูก ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของตัวเครื่องสำรองไฟฟ้า มีขนาดเครื่องที่เล็กและมีความซับซ้อนภายในเครื่องน้อยที่สุด โอกาสเสียจึงน้อยแต่ถ้าเกิดเสียขึ้นมาจริงๆก็สามารถที่จะซ่อมได้ไม่ยากนัก แต่ถือว่ามีระดับการป้องกันปัญหาทางด้านไฟฟ้าต่ำด้วย คือสามารถที่จะป้องกันไฟดับได้อย่างเดียว แต่ในปัจจุบันเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS รุ่นใหม่ๆ จะมีวงจรที่ใช้ในการตรวจสอบความผิดพลาดของกระแสไฟโดยเมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้าขึ้น วงจรก็จะสลับจากการใช้ไฟบ้านเปลี่ยนเป็นไปจากแบตเตอรี่ที่ได้ทำการสำรองไว้ ซึ่งระหว่างการสลับกระแสไฟนี้จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นและอาจทำให้คอมพิวเตอร์เกิดปัญหาขึ้นได้ โดยจะไม่เหมือนกับแบบแรกที่สามารถปรับระดับไฟให้มีความสม่ำเสมอได้เป็น UPS เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่หาได้ยากในปัจจุบันแล้ว
3.Line Interactive UPS เครื่องสำรองไฟฟ้า แบบนี้เป็นเครื่องสำรองไฟ้ฟ้าที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปหรืออาจจะนำมาใช้กับเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กก็ได้ เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีราคาไม่สูงมาก มีระดับการป้องกันที่ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว ความซับซ้อนของอุปกรณ์อยู่ในระดับปานกลาง การซ่อมบำรุงทำได้ไม่ยากนัก ถือได้ว่าเป็น เครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีคนใช้มากและในปัจจุบันก็เครื่องสำรองไฟฟ้า แบบนี้ออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย ในส่วนของการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้าชนิดนี้จะมีการทำงานที่คล้ายๆเครื่องสำรองไฟฟ้า แบบ Standby แต่จะมีความสามารถที่สูงกว่า จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Stabilizer เข้าไป ซึ่งจะคอยตรวจสอบระดับแรงดันไฟฟ้าที่จะป้อนให้กับอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมและคอยทำหน้าที่ควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าให้มีความสม่ำเสมอตลอด นับว่าเป็นเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่เหมาะสมกับคุณมากเลยทีเดียว
เราสามารถแบ่งประเภทของเครื่องแปลงไฟตามลักษณะคลื่นของเอาท์พุทได้ 2 แบบหลักๆ คือ Pure Sine Wave และ Modified Sine Wave
เครื่องแปลงไฟแบบ Pure Sine Wave นี้สามารถจ่ายไฟ AC ออกมาได้เหมือนไฟบ้านเลย รูปคลื่นเป็น Sine Wave 100% ส่วน Modified Sine Wave นั้นรูปคลื่น Sine มีลักษณะเป็นขั้นบันได
Pure sine wave คือ สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับที่มีลูกคลื่นสัญญาณต่อเนื่อง ซึ่งได้จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (Generator) หรือ ไดนาโม สัญญาณไฟฟ้าลูกคลื่น เป็นสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกประเภท
Modified sine wave คือ สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับทีถูกสร้างขึ้นมาโดยขบวนการทางดิจิตอลเพื่อลดความสูญเสียในรูปของความร้อนที่เกิดในอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และเพื่อลดวงจรให้มีขนาดเล็กลง โดยสัญญาณที่ได้จะมีแรงดันและความถี่เท่ากันกับสัญญาณ Pure sine ดังนั้นสัญญาณ Modified sine wave จะใช้ได้ดีกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบแปลงไฟเป็นไฟกระแสตรง เช่น ทีวี วิทยุ เครื่องเล่นวีดิโอ และ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่จะใช้ไม่ได้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ประเภท อินดักชั่นมอเตอร์รูปข้างบนแสดงรูปคลื่นของ Pure Sine Wave (สีเขียว) และ Modified Sine Wave (สีแดง)
ข้อดี ข้อเสีย Pure Sine Wave และ Modified Sine Wave
Pure Sine Wave
ข้อดีของเครื่องแปลงไฟแบบ Pure Sine Wave คือสามารถจ่ายไฟออกมาเหมือนกับไฟบ้านทุกประการ แต่ข้อเสียคือราคาสูง
ส่วน Modified Sine Wave
ข้อเสีย นั้นไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภท
แต่ข้อดีคือราคาถูก ทำให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันเครื่องแปลงไฟ Modified Sine Wave นี้ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รูปคลื่นใกล้เคียง Sine Wave มากขึ้น เป็นผลให้สามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลากหลายขึ้น รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทีมีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบด้วย
ขนาดของ UPS (ยูพีเอส) และการนำไปใช้งาน��
การแปลงค่ากำลังไฟฟ้า
ในกรณีที่กำลังไฟฟ้าเป็นแอมป์ ให้นำ A x 220 = VA�ในกรณีที่กำลังไฟฟ้าเป็นวัตต์ ให้นำ W x 1.4 = VA��
ยกตัวอย่างการคำนวนการหาเครื่องสำรองไฟฟ้า
อุปกรณ์ A กินไฟ 100VA = 100�อุปกรณ์ B กินไฟ 200w x 1.4 = 280
ซึ่งนำมารวมกันแล้ว จะเท่ากับ 380 VA
หลังจากนั้นก็ไปหาเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีค่า VA มากกว่า 380 มาใช้ เป็นต้น��หรือสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chuphotic.com/knowledge-detail.php?ID=17
ความสามารถในการสำรองไฟ
ท่านคงจะทราบว่า UPS (ยูพีเอส) แต่ละตัวก็จะมีความสามารถในการสำรองไฟฟ้าหรือค่า Backup Time ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่านี้หมายความว่า ระยะเวลาที่ UPS (ยูพีเอส) ของคุณสามารถที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปให้อุปกรณ์ต่อพ่วงได้ โดยนับหลังจากเกิดกระแสไฟฟ้าดับหรือเหตุขัดข้องเกี่ยวกับไฟฟ้าต่างๆไปจนถึงเวลาเครื่องสำรองไฟฟ้า ไม่สามารถดึงพลังงานของแบตเตอรี่เพื่อส่งให้อุปกรณ์ต่อพ่วงต่อไปได้ โดยระยะเวลาดังกล่าวนั้นจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปตามความสามารถของเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ท่านใช้งานอยู่ ซึ่งบางเครื่องอาจสามารถสำรองไฟไว้ได้เป็นเวลานานในช่วงระหว่าง 10 - 30 นาที เป็นต้น ซึ่งในการบอกค่า Backup Time เป็นช่วงเวลานั้นก็เพราะว่าไม่สามารถบอกค่าที่แน่นนอนในการสำรองไฟได้ เพราะเราไม่ทราบว่าอุปกรณ์ที่นำไปต่อเข้ากับเครื่องสำรองไฟฟ้า นี้มีจำนวนมากเท่าไร ยิ่งจำนวนของอุปกรณ์ต่อเชื่อมมีจำนวนมากขึ้นเท่าใด ระยะเวลาในการสำรองไฟนั้นก็มีค่าน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในการเลือกซื้อ เครื่องสำรองไฟฟ้าจึงควรที่จะหาเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีระยะเวลาในการสำรองไฟที่มีค่ามากๆ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดีครับ
จำนวนปลั๊กไฟฟ้าหรือพอร์ตเชื่อมต่อของ UPS
พอร์ตต่างๆนี้ถือว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากในการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าในปัจจุบันของเรา เพราะยิ่งจำนวนของพอร์ตเชื่อมต่อของเครื่องสำรองไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้นเท่าไร ก็ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกมากขึ้นเท่านั้น ท่านจึงมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหลายจะมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย พอร์ตเชื่อมต่อของ UPS (ยูพีเอส) ที่ได้ทำการผลิตออกมาให้ผู้บริโภคได้ใช้กันนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีจำนวน 2 พอร์ตขึ้นไป คือเพื่อใช้ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (เคส 1 พอร์ตและจอมอนิเตอร์อีก 1 พอร์ต) แต่ในปัจจุบันได้มีการผลิตพอร์ตเหล่านี้เพื่อมากขึ้นเพื่อรองรับกับอุปกรณ์ต่อเชื่อมที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ เช่นเครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องพรินเตอร์ แต่อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ค่อยความเสียหายเกิดขึ้นมากเท่าไรเมื่อเกิดความผิดพลาดของกระแสไฟฟ้าขึ้น แต่ถ้ามีไว้ก็ไม่เสียหายอะไรใช่ไหมครับ แต่ UPS (ยูพีเอส) ตามท้องตลาดของบ้านเรานั้นได้มีการเพิ่มพอร์ตสำหรับเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับพรินเตอร์เลเซอร์กันมากขึ้น เพราะว่าราคาของพรินเตอร์เลเซอร์นั้นมีราคาที่สูง ข้อเสียของพอร์ตนี้ก็คือไม่สามารถที่จะสำรองไฟไว้ได้
นอกจากพอร์ตที่ได้บอกมานี้ ยังมีพอร์ตอีกชนิดหนึ่งที่คนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเหมือนกันคือ พอร์ตสำหรับเสียบสายโทรศัพท์หรือสำหรับโมเด็ม เพราะพอร์ตเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านเข้ามาทางสายโทรศัพท์ได้ ทำให้ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้อีกขั้นหนึ่ง
ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของ UPS
สิ่งที่ UPS รุ่นใหม่ๆ นั้นจำเป็นที่จะต้องมีคือซอฟต์แวร์พิเศษที่ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่อง UPS (ยูพีเอส) นี้ด้วย ซึ่งซอฟแวร์เหล่านี้มีความสำคัญค่อนข้างมากแต่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก แต่จะมีความสำคัญในตอนที่ไม่มีใครคอยดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ถ้าเกิดมีไฟดับขึ้นจริงๆและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จนไม่มีใครคอย Shutdown เครื่องคอมพิวเตอร์ให้ ซอฟต์แวร์นี้จะเป็นเสมือนผู้ช่วยที่จะคอย Shutdown คอมพิวเตอร์ให้คุณโดยอัตโนมัติ นอกจากความสามารถที่บอกแล้วเจ้าซอฟต์แวร์นี้สามารถที่จะบันทึกข้อมูลที่สำคัญของคุณไว้ได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ทางไฟฟ้าขึ้น และสามารถที่จะรายงานผลการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS หรือสามารถที่จะตั้งเวลา Shutdown ในเวลาที่คุณกำหนดได้
การรับประกันของ UPS
ที่หลายๆ คนมองข้ามความสำคัญอีกอย่างนั่นก็คือเรื่องของการรับประกันของเครื่องสำรองไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้สามารถที่จะประกันได้ว่าเครื่องสำรองไฟฟ้า จะมีความปลอดภัยและสามารถที่จะใช้งานได้ อย่างมั่นใจ เพราะถ้าเครื่องสำรองไฟฟ้า เกิดมีปัญหาขึ้นและยังอยู่ในประกันอยู่ คุณก็สามารถที่จะส่งซ่อมหรือเปลี่ยน เครื่องสำรองไฟฟ้า ตัวใหม่มาใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ระยะเวลาการประกันนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เครื่องสำรองไฟฟ้า ของคุณนั้นมีการรับประกันกี่ปี แต่อย่างน้อยควรมีการรับประกัน 1 ปีหรือมากว่านั้นก็ยิ่งดีครับ แต่ เครื่องสำรองไฟฟ้า บางยี่ห้อนั้นอาจมีการรับประกันที่แตกต่างกันคือ อาจจะมีการรับประกันแบตเตอรี่หรือบางร้านอาจไม่มีก็ได้ ดังนั้นจึงควรสอบถามรายละเอียดเหล่านี้ให้มีความเข้าใจเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลังได้ครับ
คุณสมบัติต่างๆ
o สิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า เครื่องสำรองไฟฟ้า นี้มีคุณภาพนั้นก็คือ มาตรฐานของ เครื่องสำรองไฟฟ้า) ที่ เครื่องสำรองไฟฟ้า นี้ได้รับ เช่น มาตรฐาน ISO 9001 หรือมาตรฐาน มอก. เป็นต้น
o แบตเตอรี่ จริงๆแล้วเมื่อท่านซื้อ เครื่องสำรองไฟฟ้า มาก็จะมีแบตเตอรี่อยู่ภายใน เครื่องสำรองไฟฟ้า นั้นแล้ว แต่เมื่อแบตเตอรี่เกิดเสื่อมขึ้นมา จึงจำเป็นต้องหา เครื่องสำรองไฟฟ้า ใหม่มาทดแทน ดังนั้นควรจะเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ เพราะจะทำให้มีคุณภาพในการสำรองไฟเพิ่มมากขึ้น และมีอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
o ฟังก์ชันพิเศษของ เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ดีนั้นควรจะต้องมีไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่องเพื่อที่จะทำให้ทราบว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในสถานะใด อีกทั้งยังทำให้สามารถสังเกตเห็นสถานะการทำงานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เครื่องสำรองไฟฟ้า ดีควรต้องมีเสียงเตือนเมื่ออยู่ในสภาวะอันตรายของ เครื่องสำรองไฟฟ้า เช่นมีเสียงเตือนว่าไฟในแบตเตอรี่กำลังจะหมด เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
o รูปทรง ขนาดของ เครื่องสำรองไฟฟ้า) ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ควรต้องเลือก เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ และต้องดูว่าสถานที่จะท่านจะนำ เครื่องสำรองไฟฟ้า) นี้ไปใช้มีขนาดของพื้นที่มากน้อยเท่าไรด้วย เพื่อที่จะได้มี เครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีขนาดที่เหมาะสมไว้ใช้งานกัน
สายต่อเชื่อมต่างๆ ที่มักจะมีมาให้พร้อมกับ เครื่องสำรองไฟฟ้าUPS (ยูพีเอส) ที่ดีควรจะสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ภาพแสดงส่วนประกอบภายในของ เครื่องสำรองไฟฟ้า ตัวอย่างไฟแสดงสถานการณ์ทำงานของ เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ควรจะมี
ที่มา : หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำหรับการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำหรับการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS
ชนิดของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้คือ
1.True Online UPS (Double Conversion UPS) เครื่องสำรองไฟฟ้าแบบนี้เป็นเครื่องสำรองไฟฟ้าโดยหลักการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS (ยูพีเอส) ชนิดนี้คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆที่ต่อเข้ากับ ตัวเครื่องสำรองไฟฟ้านี้จะไม่ได้รับกระแสไฟฟ้าโดยตรงจากสายไฟเลย เพราะระบบจะทำการจ่ายกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ก่อน ก่อนที่จะส่งกระแสไฟที่มีความราบเรียบเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่อเชื่อมต่างๆ โดยจะมีอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับเป็นตัวปรับแรงดันไฟให้มีความสม่ำเสมอ ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากได้เลย ซึ่งจากที่เครื่องสำรองไฟฟ้า UPS แบบนี้มีราคาที่แพงมาก จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปเครื่องสำรองไฟฟ้า (ยูพีเอส) ชนิดนี้เหมาะสำหรับที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้เช่น เครื่องมือแพทย์, เซิร์ฟเวอร์, ตู้ ATM, ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสาร, ระบบคอมพิวเตอร์การเงินหรือธนาคาร เพราะจำเป็นที่จะต้องการคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์
UPS (ยูพีเอส) ที่เป็นแบบ True Online UPS
2.Standby UPS (Off line UPS)
เครื่องสำรองไฟฟ้า UPS ชนิดที่สองนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีราคาที่ถูก ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของตัวเครื่องสำรองไฟฟ้า มีขนาดเครื่องที่เล็กและมีความซับซ้อนภายในเครื่องน้อยที่สุด โอกาสเสียจึงน้อยแต่ถ้าเกิดเสียขึ้นมาจริงๆก็สามารถที่จะซ่อมได้ไม่ยากนัก แต่ถือว่ามีระดับการป้องกันปัญหาทางด้านไฟฟ้าต่ำด้วย คือสามารถที่จะป้องกันไฟดับได้อย่างเดียว แต่ในปัจจุบันเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS รุ่นใหม่ๆ จะมีวงจรที่ใช้ในการตรวจสอบความผิดพลาดของกระแสไฟโดยเมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้าขึ้น วงจรก็จะสลับจากการใช้ไฟบ้านเปลี่ยนเป็นไปจากแบตเตอรี่ที่ได้ทำการสำรองไว้ ซึ่งระหว่างการสลับกระแสไฟนี้จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นและอาจทำให้คอมพิวเตอร์เกิดปัญหาขึ้นได้ โดยจะไม่เหมือนกับแบบแรกที่สามารถปรับระดับไฟให้มีความสม่ำเสมอได้เป็น UPS เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่หาได้ยากในปัจจุบันแล้ว
3.Line Interactive UPS เครื่องสำรองไฟฟ้า แบบนี้เป็นเครื่องสำรองไฟ้ฟ้าที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปหรืออาจจะนำมาใช้กับเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กก็ได้ เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีราคาไม่สูงมาก มีระดับการป้องกันที่ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว ความซับซ้อนของอุปกรณ์อยู่ในระดับปานกลาง การซ่อมบำรุงทำได้ไม่ยากนัก ถือได้ว่าเป็น เครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีคนใช้มากและในปัจจุบันก็เครื่องสำรองไฟฟ้า แบบนี้ออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย ในส่วนของการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้าชนิดนี้จะมีการทำงานที่คล้ายๆเครื่องสำรองไฟฟ้า แบบ Standby แต่จะมีความสามารถที่สูงกว่า จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Stabilizer เข้าไป ซึ่งจะคอยตรวจสอบระดับแรงดันไฟฟ้าที่จะป้อนให้กับอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมและคอยทำหน้าที่ควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าให้มีความสม่ำเสมอตลอด นับว่าเป็นเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่เหมาะสมกับคุณมากเลยทีเดียว
เราสามารถแบ่งประเภทของเครื่องแปลงไฟตามลักษณะคลื่นของเอาท์พุทได้ 2 แบบหลักๆ คือ Pure Sine Wave และ Modified Sine Wave
เครื่องแปลงไฟแบบ Pure Sine Wave นี้สามารถจ่ายไฟ AC ออกมาได้เหมือนไฟบ้านเลย รูปคลื่นเป็น Sine Wave 100% ส่วน Modified Sine Wave นั้นรูปคลื่น Sine มีลักษณะเป็นขั้นบันได
Pure sine wave คือ สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับที่มีลูกคลื่นสัญญาณต่อเนื่อง ซึ่งได้จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (Generator) หรือ ไดนาโม สัญญาณไฟฟ้าลูกคลื่น เป็นสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกประเภท
Modified sine wave คือ สัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับทีถูกสร้างขึ้นมาโดยขบวนการทางดิจิตอลเพื่อลดความสูญเสียในรูปของความร้อนที่เกิดในอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และเพื่อลดวงจรให้มีขนาดเล็กลง โดยสัญญาณที่ได้จะมีแรงดันและความถี่เท่ากันกับสัญญาณ Pure sine ดังนั้นสัญญาณ Modified sine wave จะใช้ได้ดีกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบแปลงไฟเป็นไฟกระแสตรง เช่น ทีวี วิทยุ เครื่องเล่นวีดิโอ และ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่จะใช้ไม่ได้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ประเภท อินดักชั่นมอเตอร์รูปข้างบนแสดงรูปคลื่นของ Pure Sine Wave (สีเขียว) และ Modified Sine Wave (สีแดง)
ข้อดี ข้อเสีย Pure Sine Wave และ Modified Sine Wave
Pure Sine Wave
ข้อดีของเครื่องแปลงไฟแบบ Pure Sine Wave คือสามารถจ่ายไฟออกมาเหมือนกับไฟบ้านทุกประการ แต่ข้อเสียคือราคาสูง
ส่วน Modified Sine Wave
ข้อเสีย นั้นไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภท
แต่ข้อดีคือราคาถูก ทำให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันเครื่องแปลงไฟ Modified Sine Wave นี้ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รูปคลื่นใกล้เคียง Sine Wave มากขึ้น เป็นผลให้สามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลากหลายขึ้น รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทีมีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบด้วย
ขนาดของ UPS (ยูพีเอส) และการนำไปใช้งาน��
การแปลงค่ากำลังไฟฟ้า
ในกรณีที่กำลังไฟฟ้าเป็นแอมป์ ให้นำ A x 220 = VA�ในกรณีที่กำลังไฟฟ้าเป็นวัตต์ ให้นำ W x 1.4 = VA��
ยกตัวอย่างการคำนวนการหาเครื่องสำรองไฟฟ้า
อุปกรณ์ A กินไฟ 100VA = 100�อุปกรณ์ B กินไฟ 200w x 1.4 = 280
ซึ่งนำมารวมกันแล้ว จะเท่ากับ 380 VA
หลังจากนั้นก็ไปหาเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีค่า VA มากกว่า 380 มาใช้ เป็นต้น��หรือสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chuphotic.com/knowledge-detail.php?ID=17
ความสามารถในการสำรองไฟ
ท่านคงจะทราบว่า UPS (ยูพีเอส) แต่ละตัวก็จะมีความสามารถในการสำรองไฟฟ้าหรือค่า Backup Time ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่านี้หมายความว่า ระยะเวลาที่ UPS (ยูพีเอส) ของคุณสามารถที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปให้อุปกรณ์ต่อพ่วงได้ โดยนับหลังจากเกิดกระแสไฟฟ้าดับหรือเหตุขัดข้องเกี่ยวกับไฟฟ้าต่างๆไปจนถึงเวลาเครื่องสำรองไฟฟ้า ไม่สามารถดึงพลังงานของแบตเตอรี่เพื่อส่งให้อุปกรณ์ต่อพ่วงต่อไปได้ โดยระยะเวลาดังกล่าวนั้นจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปตามความสามารถของเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ท่านใช้งานอยู่ ซึ่งบางเครื่องอาจสามารถสำรองไฟไว้ได้เป็นเวลานานในช่วงระหว่าง 10 - 30 นาที เป็นต้น ซึ่งในการบอกค่า Backup Time เป็นช่วงเวลานั้นก็เพราะว่าไม่สามารถบอกค่าที่แน่นนอนในการสำรองไฟได้ เพราะเราไม่ทราบว่าอุปกรณ์ที่นำไปต่อเข้ากับเครื่องสำรองไฟฟ้า นี้มีจำนวนมากเท่าไร ยิ่งจำนวนของอุปกรณ์ต่อเชื่อมมีจำนวนมากขึ้นเท่าใด ระยะเวลาในการสำรองไฟนั้นก็มีค่าน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในการเลือกซื้อ เครื่องสำรองไฟฟ้าจึงควรที่จะหาเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีระยะเวลาในการสำรองไฟที่มีค่ามากๆ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดีครับ
จำนวนปลั๊กไฟฟ้าหรือพอร์ตเชื่อมต่อของ UPS
พอร์ตต่างๆนี้ถือว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากในการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าในปัจจุบันของเรา เพราะยิ่งจำนวนของพอร์ตเชื่อมต่อของเครื่องสำรองไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้นเท่าไร ก็ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกมากขึ้นเท่านั้น ท่านจึงมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหลายจะมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย พอร์ตเชื่อมต่อของ UPS (ยูพีเอส) ที่ได้ทำการผลิตออกมาให้ผู้บริโภคได้ใช้กันนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีจำนวน 2 พอร์ตขึ้นไป คือเพื่อใช้ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (เคส 1 พอร์ตและจอมอนิเตอร์อีก 1 พอร์ต) แต่ในปัจจุบันได้มีการผลิตพอร์ตเหล่านี้เพื่อมากขึ้นเพื่อรองรับกับอุปกรณ์ต่อเชื่อมที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ เช่นเครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องพรินเตอร์ แต่อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ค่อยความเสียหายเกิดขึ้นมากเท่าไรเมื่อเกิดความผิดพลาดของกระแสไฟฟ้าขึ้น แต่ถ้ามีไว้ก็ไม่เสียหายอะไรใช่ไหมครับ แต่ UPS (ยูพีเอส) ตามท้องตลาดของบ้านเรานั้นได้มีการเพิ่มพอร์ตสำหรับเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับพรินเตอร์เลเซอร์กันมากขึ้น เพราะว่าราคาของพรินเตอร์เลเซอร์นั้นมีราคาที่สูง ข้อเสียของพอร์ตนี้ก็คือไม่สามารถที่จะสำรองไฟไว้ได้
นอกจากพอร์ตที่ได้บอกมานี้ ยังมีพอร์ตอีกชนิดหนึ่งที่คนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเหมือนกันคือ พอร์ตสำหรับเสียบสายโทรศัพท์หรือสำหรับโมเด็ม เพราะพอร์ตเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านเข้ามาทางสายโทรศัพท์ได้ ทำให้ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้อีกขั้นหนึ่ง
ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของ UPS
สิ่งที่ UPS รุ่นใหม่ๆ นั้นจำเป็นที่จะต้องมีคือซอฟต์แวร์พิเศษที่ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่อง UPS (ยูพีเอส) นี้ด้วย ซึ่งซอฟแวร์เหล่านี้มีความสำคัญค่อนข้างมากแต่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก แต่จะมีความสำคัญในตอนที่ไม่มีใครคอยดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ถ้าเกิดมีไฟดับขึ้นจริงๆและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จนไม่มีใครคอย Shutdown เครื่องคอมพิวเตอร์ให้ ซอฟต์แวร์นี้จะเป็นเสมือนผู้ช่วยที่จะคอย Shutdown คอมพิวเตอร์ให้คุณโดยอัตโนมัติ นอกจากความสามารถที่บอกแล้วเจ้าซอฟต์แวร์นี้สามารถที่จะบันทึกข้อมูลที่สำคัญของคุณไว้ได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ทางไฟฟ้าขึ้น และสามารถที่จะรายงานผลการทำงานของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS หรือสามารถที่จะตั้งเวลา Shutdown ในเวลาที่คุณกำหนดได้
การรับประกันของ UPS
ที่หลายๆ คนมองข้ามความสำคัญอีกอย่างนั่นก็คือเรื่องของการรับประกันของเครื่องสำรองไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้สามารถที่จะประกันได้ว่าเครื่องสำรองไฟฟ้า จะมีความปลอดภัยและสามารถที่จะใช้งานได้ อย่างมั่นใจ เพราะถ้าเครื่องสำรองไฟฟ้า เกิดมีปัญหาขึ้นและยังอยู่ในประกันอยู่ คุณก็สามารถที่จะส่งซ่อมหรือเปลี่ยน เครื่องสำรองไฟฟ้า ตัวใหม่มาใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ระยะเวลาการประกันนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เครื่องสำรองไฟฟ้า ของคุณนั้นมีการรับประกันกี่ปี แต่อย่างน้อยควรมีการรับประกัน 1 ปีหรือมากว่านั้นก็ยิ่งดีครับ แต่ เครื่องสำรองไฟฟ้า บางยี่ห้อนั้นอาจมีการรับประกันที่แตกต่างกันคือ อาจจะมีการรับประกันแบตเตอรี่หรือบางร้านอาจไม่มีก็ได้ ดังนั้นจึงควรสอบถามรายละเอียดเหล่านี้ให้มีความเข้าใจเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลังได้ครับ
คุณสมบัติต่างๆ
o สิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า เครื่องสำรองไฟฟ้า นี้มีคุณภาพนั้นก็คือ มาตรฐานของ เครื่องสำรองไฟฟ้า) ที่ เครื่องสำรองไฟฟ้า นี้ได้รับ เช่น มาตรฐาน ISO 9001 หรือมาตรฐาน มอก. เป็นต้น
o แบตเตอรี่ จริงๆแล้วเมื่อท่านซื้อ เครื่องสำรองไฟฟ้า มาก็จะมีแบตเตอรี่อยู่ภายใน เครื่องสำรองไฟฟ้า นั้นแล้ว แต่เมื่อแบตเตอรี่เกิดเสื่อมขึ้นมา จึงจำเป็นต้องหา เครื่องสำรองไฟฟ้า ใหม่มาทดแทน ดังนั้นควรจะเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ เพราะจะทำให้มีคุณภาพในการสำรองไฟเพิ่มมากขึ้น และมีอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
o ฟังก์ชันพิเศษของ เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ดีนั้นควรจะต้องมีไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่องเพื่อที่จะทำให้ทราบว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในสถานะใด อีกทั้งยังทำให้สามารถสังเกตเห็นสถานะการทำงานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เครื่องสำรองไฟฟ้า ดีควรต้องมีเสียงเตือนเมื่ออยู่ในสภาวะอันตรายของ เครื่องสำรองไฟฟ้า เช่นมีเสียงเตือนว่าไฟในแบตเตอรี่กำลังจะหมด เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
o รูปทรง ขนาดของ เครื่องสำรองไฟฟ้า) ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ควรต้องเลือก เครื่องสำรองไฟฟ้า ที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ และต้องดูว่าสถานที่จะท่านจะนำ เครื่องสำรองไฟฟ้า) นี้ไปใช้มีขนาดของพื้นที่มากน้อยเท่าไรด้วย เพื่อที่จะได้มี เครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีขนาดที่เหมาะสมไว้ใช้งานกัน
สายต่อเชื่อมต่างๆ ที่มักจะมีมาให้พร้อมกับ เครื่องสำรองไฟฟ้าUPS (ยูพีเอส) ที่ดีควรจะสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ภาพแสดงส่วนประกอบภายในของ เครื่องสำรองไฟฟ้า ตัวอย่างไฟแสดงสถานการณ์ทำงานของ เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ควรจะมี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

STABILIZER หรือ AVR คืออะไร

เครื่องสำรองไฟฟ้า UPS VENUS Smart (1-10kVA) True online (High frequency)